ไม่รู้ว่าใครเป็นคนร่างจดหมาย แต่อ่านแล้วแอบรู้สึกหดหู่
ไม่ได้หดหู่เพราะเห็นนักศึกษาที่เรียนที่จีนไม่ได้กลับจีนสักที
แต่หดหู่เพราะ เนื้อความที่เขียนซะมากกว่า…
.
เมื่อประเทศไม่มีความเป็นตัวของตัวเองแล้ว (Subjectivity)
ประเทศนั้นแม่งก็ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น
.
ฉันเคยล้อเล่นกับเพื่อน ๆ เสมอว่า
อย่าเรียกเลยว่าเป็นประเทศไทย
เรียกว่าเขตปกครองพิเศษสยาม
แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนซะดีกว่า
.
ทำไมตอนหลังถึงใช้ไทย แทนคำว่าสยาม ?
สยาม กับ ไทย เป็นคำเรียกของใคร ?
ใครเป็นคนเรียกคำเหล่านั้น ตนเอง หรือ ผู้อื่น ?
.
ความเป็นอัตวิสัย ความดำรงไว้ซึ่งตัวตน
ความมีอำนาจทางอธิปไตย
.
ภายใต้สถานการณ์แห่งโลกาภิวัตน์ (Globalization)
มีแนวคิดไม่น้อย ที่มองว่า
การเจริญเติบโตของจีน เป็น สภาพปกติ
การเข้ามาของโลกตะวันตก ในช่วง 200 ปี
เป็นเพียงสภาวะชั่วคราวที่ทำให้จีนอ่อนแอ
.
ช่วงเวลากว่า 2000 ปี
จากช่วงแรกที่จีนเฟื่องฟู สู่ยุคตกต่ำในช่วงเวลาแค่200ปี
และกำลังกลับขึ้นมาสู่ความเป็น ”สภาวะปกติ”
.
แน่นอนว่า จีน เป็นประเทศที่ใหญ่
เป็นประเทศที่มีสภาพภูมิประเทศที่เอื้อ และมีทรัพยากรที่ดี
.
จีน สำหรับไทยแล้ว
จึงเป็น “คนอื่น” ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ไม่ใช่ “ตนเอง”
.
หากไทยไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง
ไทยแม่งก็ไม่เป็นไรทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นอย่าใช้ชื่อว่า ไทย เลยดีกว่า
.
กลับไปเป็นส่วนหนึ่งของจีนเสียเลย….
.
ภูมิรพี แซ่ตั้ง
19 พฤษภาคม 2021
#อยากบันทึกไว้เล่าสู่กันฟัง
ปล.เนื้อความทั้งหมดเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว ที่สามารถพูดคุยถกเถียงได้ ในสภาวะของการพูดคุยในจุดที่เท่ากัน พยายามเข้าใจกัน และเรียนรู้ไปด้วยกัน มิใช่การพูดคุยถกเถียงในจุดที่ใครอยู่สูงกว่าใคร หรือ มองคนเห็นต่างด้วยความเป็นอคติ