วิธีสมัคร Anytime Mailbox™ เช่าที่อยู่ส่วนตัว US ไว้รับจดหมายและพัสดุ
เมื่อโพสที่ผ่านมา Passbook By Remitly บัญชีธนาคาร US บัญชีแรกของฉัน ได้มีการพูดถึง การใช้ที่อยู่ Anytime Mailbox ในการเปิดบัญชี Passbook By…
เมื่อโพสที่ผ่านมา Passbook By Remitly บัญชีธนาคาร US บัญชีแรกของฉัน ได้มีการพูดถึง การใช้ที่อยู่ Anytime Mailbox ในการเปิดบัญชี Passbook By Remitly แต่ก็ไม่ได้ลงรายละเอียดไว้เยอะ เพราะกลัวว่าเนื้อหาจะยาวไปเสียก่อน
วันนี้เลยจะมาพูดถึงขั้นตอนการสมัครสมาชิก Anytime Mailbox กัน
โดย Anytime Mailbox นั้นเป็น Virtual Mailbox รูปแบบหนึ่ง ที่ให้บริการในการรับจดหมายและพัสดุ รวมไปถึงเช็คเงินสด พร้อมมีบริการแสกนเอกสาร ทำลายเอกสารและส่งเอกสารต่อผ่านบริการ USPS, UPS, FedEx และ DHL โดยมีที่อยู่ให้เลือกมากมายไม่เพียงแต่ US เท่านั้น โดยสำหรับที่อยู่ในอเมริกานั้นก็มีให้เลือกรัฐต่าง ๆ มากมาย ทำให้เราสามารถเลือกที่อยู่ที่เป็นที่อยู่บุคคล เพื่อใช้ในการรับจดหมายยืนยันที่อยู่ เพื่อใช้สมัครบัญชีธนาคาร US ได้อีกด้วย
นอกจากจะใช้เป็นที่อยู่ในการรับบัตรเดบิตและเครดิตแล้ว ยังสามารถใช้เป็นที่อยู่ในการช้อปปิ้งสินค้าออนไลน์จาก US ไม่ว่าจะเป็น Amazon, eBay และอื่น ๆ อีกทั้งยังใช้เป็นที่อยู่ในการสมัครสมาชิก Paypal US ได้อีกด้วย แต่เนื่องด้วยแต่ละที่อยู่มีบริการให้ใช้และจำนวนจดหมายบริการที่ต่างกัน ทำให้ราคาของแต่ละที่อยู่มีราคาที่ต่างกันไป ตามเมือง และบริการที่มีให้ โดยมีราคาเริ่มต้นที่ $4.98 เป็นต้นไป
ขั้นตอนในการสมัครสมาชิก Anytime Mailbox
สำหรับขั้นตอนนั้นมีด้วยกันง่าย ๆ 4 ขั้นตอน
1. เลือกที่อยู่ที่ต้องการ
2. ทำการสมัครสมาชิกและชำระเงิน
3. กรอก USPS Form 1583
4. อัพโหลดเอกสาร USPS Form 1583 ที่ผ่านการรับรองเอกสารแล้ว โดยภายหลังจากการอัพโหลดเอกสารและได้รับการยืนยันก็สามารถใช้ที่อยู่ในการรับจดหมาย หรือพัสดุได้แล้ว
การเลือกที่อยู่
เว็บไซต์ในการสมัครสมาชิก : Anytime Mailbox
เมื่อเข้าไปแล้วก็กดไปที่ “BROWSE USA LOCATIONS” เพื่อเลือกที่อยู่
โดยสามารถเลือกที่อยู่ตามรัฐให้เลือกได้มากมาย
เมื่อเลือกรัฐที่ต้องการได้แล้ว ก็สามารถเลือกที่อยู่และ PLAN ที่ต้องการได้เลย
โดยเมื่อคลิ๊กเข้าไปแล้วก็จะมีรูปแบบที่อยู่เต็มให้เราได้เห็น พร้อมกัน PLAN ที่มีให้เลือกมากมายทั้ง Bronze, Silver, Gold และอื่น ๆ
โดยจะแนะนำหลักเกณฑ์ในการเลือกที่อยู่ดังนี้
- เป็นที่อยู่ส่วนบุคคลหรือเปล่า (โดยวิธีการเช็คว่าที่อยู่นั้นเป็นที่อยู่ส่วนบุคคลหรือที่อยู่ธุรกิจสามารถเช็คได้ผ่านเว็บไซต์ของ USPS-Look Up a ZIP Code™ หากในส่วนของ COMMERCIAL MAIL RECEIVING AGENCY เป็น N ก็แสดงว่าไม่ใช่ที่อยู่ธุรกิจ)
เพียงแค่กรอกที่อยู่ที่ได้ลงไปแล้วกดค้นหาก็จะพบกับข้อมูลของที่อยู่นั้น ๆ
โดยหากในส่วนของ COMMERCIAL MAIL RECEIVING AGENCY เป็น N ก็แสดงว่าไม่ใช่ที่อยู่ธุรกิจ แต่จากภาพจะเห็นได้ว่าเป็น Y ก็แสดงว่าที่อยู่นี้เป็นที่อยู่ธุรกิจ ถ้าหากใช้เปิดบัญชี บัตรเครดิต บัตรเดบิต ก็มีโอกาสที่จะเปิดไม่ผ่านพอสมควร เพราะฉะนั้นยังไงก็ดูตามวัตถุประสงค์การใช้ และเปลี่ยนไปเลือกที่อยู่อื่น ๆ ได้อีกมากมาย
2. ค่าใช้จ่ายรายเดือนที่รับไหว
3. PLAN ที่มีให้ จำนวนพัสดุที่รับแต่ละเดือน ค่าใช้จ่ายในการส่งพัสดุต่อ จำนวนวันในการเก็บรักษาพัสดุที่ส่งมา และอื่น ๆ
4. ที่อยู่พอใจหรือเปล่า อยู่ในเมืองที่มีการยกเว้นภาษีหรือเปล่า สามารถใช้ทำธุรกรรมที่ตนต้องการได้ไหม
5. อาจจะใช้ Google Street View ใน Google Maps ในการค้นหาที่อยู่เพื่อดูสภาพที่อยู่ประกอบด้วยก็ได้
ดำเนินการสมัคร
เมื่อได้ที่อยู่ที่ต้องการแล้วก็ดำเนินการสมัครได้เลย
กรอกชื่อตัวเองให้เรียบร้อย พร้อมเลือกหมายเลข Mailbox ตามต้องการ โดยที่อยู่ที่สมบูรณ์จะแสดงให้เห็นอยู่ด้านล่าง เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จเรียบร้อยแล้วก็กด CONTINUE ต่อได้เลย
ในส่วนของ Country of Residence นั้น สามารถใส่ที่อยู่ที่ไทยของตัวเองไปได้เลย กรอกให้ถูกต้อง เพราะจะต้องใช้ในการยืนยันตัวตนในภายหลัง พร้อมกรอกข้อมูลของตัวเองตามจริงและตั้งรหัสผ่านให้เรียบร้อย แล้วก็กด CONTINUE ต่อไปได้เลย
หลังจากนั้นก็ยืนยันรหัสที่ส่งไปในเมล์ให้เรียบร้อย พร้อมกรอกรายละเอียดการชำระเงิน เพื่อตัดเงินผ่านบัตร ก็เป็นอันเรียบร้อย
การกรอก USPS Form 1583 พร้อมรับรองเอกสาร
ในบางกรณีจะสามารถจ่าย $25 เพื่อดำเนินการ Notarize เอกสารผ่านพาร์ทเนอร์ของ Anytime Mailbox ได้เลย โดยกด Notarize Online Now (บัตรเราจะถูกหักเงินไว้ล่วงหน้า $25 ทันที) โดยขั้นตอนนี้จะต้องมีการ Video Call เพื่อยืนยันตัวตน
หรืออีกทางเลือกหนึ่งอาจจะใช้บริการรับรองเอกสารจาก Fiverr ก็ได้ โดยสามารถกด Use Own Notary หลังจากนั้นก็จะมีไฟล์ USPS Form 1583 ที่กรอกอยู่แล้วให้เราโหลด ซึ่งเราก็สามารถนำไปรับรองเอกสารได้กับเว็บข้างนอก เช่น Fiverr ได้ โดยเอาคีย์เวิร์ด 1583 ค้นหาลงไปก็มีให้เลือกมากมายตามต้องการ
โดยเอกสารที่ต้องใช้ในการยืนยันควบคู่ไปกับ USPS Form 1583 ประกอบไปด้วย 2 อย่างด้วยกัน เป็น IDs ที่มีที่อยู่ของคุณ และอย่างน้อยอันใดอันหนึ่งต้องมีรูปของคุณ Photo ID ซึ่งของไทยเราก็สามารถใช้ พาสปอร์ต Passport กับ ใบขับขี่รถที่ด้านหลังมีที่อยู่ภาษาอังกฤษได้ หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องตามรายละเอียดด้านล่างนี้
เมื่อดำเนินการอัพโหลดเอกสาร ใช้เวลาประมาณ 2–3 วันก็จะได้รับอีเมล์ยืนยันเอกสารพร้อมสามารถใช้ที่อยู่ในการรับจดหมายและพัสดุได้เลย
โดยสามารถ Login ด้วยอีเมล์และรหัสผ่านที่สมัครเข้าไปเพื่อเช็คสถานะพัสดุได้ตลอดเวลา
รวมทั้งยังมีแอพพลิเคชั่นทั้ง iOS และ Android ให้สามารถใช้ได้อีกด้วย
แค่นี้ก็เป็นอันเรียบร้อยแล้ว สามารถเอาที่อยู่นี้ไปใช้ประโยชน์ได้เลย
ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง