คิดจะต่อ ป.เอก ที่ไต้หวันต่อไหม ?
เป็นคำถามที่อ.ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ถามฉัน
หลังจากการมีทติ้งครั้งล่าสุด ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
.
เป็นสิ่งที่ฉันต้องคิดพอสมควร
ตอนนี้เรียนป.โทมาได้เทอมกว่า ๆ เข้าเทอมที่สอง
เก็บหน่วยกิตมาได้เกินครึ่งของหลักสูตรแล้ว
เทอมหน้าเหลืออีกแค่ 6 หน่วยกิต(2 วิชา)ก็เรียนคอร์สเวิร์คหมดแล้ว
.
มันก็เริ่มที่จะต้องคิดถึงอนาคตของตัวเองต่ออีกแล้ว
หลักสูตรที่เรียน เอเชียตะวันออกศึกษา 30 หน่วยกิต + วิทยานิพนธ์
เทอมแรกลงไป 15 หน่วยกิต (5 วิชา)เยอะมาก
เทอมนี้ลงไป 9 หน่วยกิต (3 วิชา) น้อยลงไปหน่อย
ถึงแม้ว่าเทอมนี้จะลงน้อย แต่ก็ต้องเตรียมตัวเรื่องสอบหัวข้อ
อีกทั้งตัวเองยังซ่าไปรับงานเป็นผู้ช่วยอาจารย์ที่ปรึกษา
แล้วก็งานแปลจีน-ไทย ของสำนักข่าวรอบโลกสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่
สังกัดกรมตรวจคนเข้าเมืองไต้หวันอีก
.
มันก็เลยกลายเป็นเทอมที่ค่อนข้างเหนื่อยและหนักพอสมควร
.
เหตุที่เลือกมาไต้หวันก็เพราะภาษาจีนเป็นหลักนี่แหละ
อังกฤษตัวเองแย่ จีนเก่งกว่าอังกฤษ
ถ้าไม่ไปจีน ก็ต้องไปไต้หวัน
จีนแผ่นดินใหญ่ก็ไม่ใช่คำตอบอยู่แล้ว เพราะมีปัญหาด้านการทำงานวิชาการพอสมควร
บวกกับคุณภาพผลงานวิชาการจีน เป็นอะไรที่คิดหนักพอสมควร
ตอนนั้นก็เลยเลือกมาไต้หวัน
.
แต่พอมาเรื่องของป.เอก ก็ต้องกลับมาคิดวางแผนว่า
ตัวเองจะไปทำอะไรต่อที่ไหน
.
ถ้ากลับมาเป็นนักวิชาการ อาจารย์มหาลัยที่ไทย ต่อเอกที่ไต้หวันก็ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าจะเป็นนักวิชาการ อาจารย์มหาลัยที่ไต้หวัน การไปประเทศอื่นก็เป็นสิ่งที่ต้องคิด
นักวิชาการด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือว่าเป็นสายงานที่คลาดแคลนในไต้หวัน
ถ้าเลือกเดินทางต่อในสายนี้ มันก็มีช่องว่างในการเจริญเติบโตที่ดี
.
แต่ถ้าคิดจะอยู่ไต้หวันต่อ
ก็คงต้องต่อ ป.เอก ที่ประเทศอื่น
.
ประเทศไหนหล่ะคือทางเลือกที่ดี
นอกจากจีนไต้หวัน ประเทศอื่นก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษ
ซึ่งตัวเองก็ความสามารถด้านอังกฤษ ต่ำต้อย รู้สึกต้องไปรื้อฟื้นพอสมควร
ทางเลือกตอนนี้ก็มี สิงคโปร์ NUS ไม่ก็มาเลย์ ที่น่าจะเป็นทางเลือกในการต่อป.เอกที่ดี
.
ช่วงนี้ก็คงเป็นช่วงที่ต้องกลับมารื้อฟื้นภาษาอังกฤษ
เพื่อเตรียมสอบทั้ง IELTS และ GRE
.
หวังว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิดพลาด หรือ
พอจบป.โทในตอนนั้นการต่อ ป.เอก อาจจะไม่ใช่เป้าหมายในชีวิตแล้วก็ได้
.
ชีวิตไม่มีอะไรในแน่นอน เดินตามเสียงเรียกร้องของหัวใจก็พอ
.
ภูมิรพี แซ่ตั้ง
23 มีนาคม 2021