Passbook By Remitly บัญชีธนาคาร US บัญชีแรกของฉัน

บอกเล่าเรื่องราวการเปิดบัญชีธนาคาร US ผ่านแอพ Passbook By Remitly อย่างละเอียด สามารถเปิดได้แม้กระทั่งไม่เคยไป US มาก่อน

Passbook By Remitly บัญชีธนาคาร US บัญชีแรกของฉัน
Passbook By Remitly


[อัพเดท 2023/02/22: ปัจจุบัน Passbook By Remitly ได้ปิดตัวลงแล้ว]

ไม่เคยไปอเมริกา แต่อยากมีบัญชีธนาคาร US

อยากช้อปสินค้าสโตร์ US สมัคร Paypal US

อยากใช้ Apple Pay หรือแค่หาสถานที่พักเงินนอกเหนือจากการเก็บเงินไว้ในประเทศ

การที่ได้มีบัญชีธนาคาร US คงเป็นเรื่องที่ดูสวยหรูสำหรับหลาย ๆ คน ที่ไม่เคยไปอเมริกา แต่การจะเปิดบัญชีทั้ง ๆ ที่ไม่เคยไปนั้นมันดูจะยากลำบากซะเหลือเกิน

ไม่ว่าจะต้องใช้เอกสารยืนยันที่อยู่ เอกสาร ID ใบขับขี่ US หรือแม้กระทั่งรหัส SSN ที่คนอย่างเราที่อยู่ไทยไม่เคยไปเหยียบอเมริกาสักครั้ง จะไปหามาได้อย่างไร

Passbook By Remitly

แอพ Passbook เป็นแอพของบริษัท Remitly โดยเมื่อคุณสมัครบัญชี Passbook By Remitly คุณก็จะได้บัญชี Checking Account ที่อยู่ภายใต้การจัดการของธนาคาร Sunrise Bank ของอเมริกา โดยวัตถุประสงค์ของแอพนี้ออกแบบมาสำหรับผู้อพยพที่ใช้ชีวิตและทำงานในอเมริกาให้สามารถจัดการเงิน เก็บเงินและใช้จ่ายเงินได้หรือแม้กระทั่งการส่งเงินกลับบ้านได้อย่างสะดวกสะบายปล. App ต้องดาวน์โหลดจาก App store US

Remitly (17 พฤษภาคม 2565 เวลา 20.30)

Remitly

Remitly คือบริษัทที่ให้บริการโอนเงินแบบดิจิทัลระหว่างประเทศ ซึ่งคล้าย ๆ กับพวก Wise (ex TransferWise) โดยจะให้บริการแก่บุคคลที่อาศัยอยู่ใน United States, Australia, Austria, Belgium, Canada, Denmark, Finland, France, Germany, Greece, Ireland, Italy, Latvia, Lithuania, Netherlands, Norway, Portugal, Singapore, Slovakia, Spain, Sweden และ United Kingdomในการส่งเงินไปต่างประเทศ

ข้อดี:

  1. คุณจะได้บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน Checking Account ในชื่อของคุณแบบไม่ต้องจ่ายค่าดูแลรักษาบัญชีใด ๆ ทั้งสิ้น
หมายเลขบัญชีธนาคาร US ที่ได้จากแอพ Passbook By Remitly
Routing Number ที่ได้จากแอพ Passbook By Remitly พบว่าเป็นของธนาคาร Sunrise Bank

2.บัตร US Visa Business Debit Card ชื่อของคุณ พร้อมธงชาติบนหน้าบัตรที่เลือกได้ โดยไม่มีค่าธรรมเนียมในการใช้จ่ายทั่วโลก ***รองรับ Apple Pay*** (โดยจะได้รับเลขบัตรก่อนที่บัตรจริงจะมาถึงทำให้สามารถใช้จ่ายและเพิ่มบัตรเข้า Apple Pay ได้)

บัตร Passbook Visa debit card
Apple Pay

3.ไม่ต้องใช้ SSN/ITIN หรือ EIN ในการสมัคร ไม่มีขั้นต่ำในการเปิดบัญชี ไม่มีค่าธรรมเนียมในการฝากถอนเงินสด (อาจมีค่าธรรมเนียมการถอนเงินจากธนาคารปลายทาง)

4.ปลอดภัย เพราะธนาคาร Sunrise Bank เป็นสมาชิกของ FDIC (Federal Deposit Insurance Corporation) ซึ่งมีวงเงินประกันกว่า 250,000 USD

Sunrise Bank
FDIC (Federal Deposit Insurance Corporation)

5.สามารถผูกบัญชีและถอนเงินจากบัญชี Paypal US เข้าสู่ Passbook ได้โดยตรง

6.ได้รับเงินคืน cash back 2 USD ต่อรายการ เมื่อดำเนินการโอนเงินผ่านแอพ Remitly โดยใช้จ่ายผ่านบัญชี Passbook

ส่งเงินผ่าน Remitly พร้อมรับ cash back 2 USD

ข้อเสีย:

1.ไม่ซัพพอร์ต Wire Transfer หากจะโอนเงินเข้ามาต้องโอนผ่านระบบ ACH Payment หรือโอนผ่าน Wise (ex TransferWise) เข้ามาได้ใช้เวลา 1–2 วันทำการ

โอนเงินเข้าผ่านระบบ ACH Payment โดยใช้ Wise (ex TransferWise) ใช้เวลา 1–2 วันทำการ

2.ไม่มีดอกเบี้ย เพราะเป็นบัญชีแบบ checkless deposit account

3.การเตรียมการสมัครที่ยุ่งยาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เบอร์ US หรือ IP US และที่อยู่ US ที่ใช้ในการยืนยัน

วิธีการเปิดบัญชี

สิ่งที่ต้องเตรียมในการเปิดบัญชีมีดังนี้:

1. พาสปอร์ตที่ยังไม่หมดอายุ

2. ที่อยู่อเมริกา (เป็นที่อยู่ส่วนบุคคล, ไม่ใช่ที่อยู่ภาคธุรกิจ)

3. เอกสารยืนยันที่อยู่ Proof of Address (บางกรณีทาง Passbook อาจไม่ได้ขอ ซึ่งตอนที่ผู้เขียนดำเนินการสมัคร ทาง Passbook ไม่ได้ขอเอกสารในส่วนนี้)

4. เบอร์โทรศัพท์ US

5. E-mail ที่ใช้เป็นประจำ

6. VPN ไป USA (แนะนำให้ทำ เพราะทางแอพออกแบบมาให้สำหรับคนที่อยู่ US ในการเปิดบัญชี)

ปัญหาเรื่องที่อยู่ส่วนบุคคล

การเปิดบัญชีส่วนที่ยากไม่ใช่เรื่องพาสปอร์ต แต่เป็นเรื่องของการจะหาที่อยู่ส่วนบุคคลและเอกสารยืนยันที่อยู่ Proof of Address มาใช้ในการเปิดบัญชี

ซึ่งวิธีการเช็คว่าที่อยู่นั้นเป็นที่อยู่ส่วนบุคคลหรือที่อยู่ธุรกิจสามารถเช็คได้ผ่านเว็บไซต์ของ USPS-Look Up a ZIP Code™ หากในส่วนของ COMMERCIAL MAIL RECEIVING AGENCY เป็น N ก็แสดงว่าไม่ใช่ที่อยู่ธุรกิจ

สำหรับปัญหาว่าจะหาที่อยู่จากไหน และสามารถรับพัสดุได้ด้วยนั้นมีสองช่องทางแนะนำดังนี้:

  1. Anytime Mailbox -> วิธีสมัคร Anytime Mailbox™ เช่าที่อยู่ส่วนตัว US ไว้รับจดหมายและพัสดุ
วิธีสมัคร Anytime Mailbox™ เช่าที่อยู่ส่วนตัว US ไว้รับจดหมายและพัสดุ
เมื่อโพสที่ผ่านมา Passbook By Remitly บัญชีธนาคาร US บัญชีแรกของฉัน ได้มีการพูดถึง การใช้ที่อยู่ Anytime Mailbox…

2. iPostal1

ส่วนอีกปัญหาที่สำคัญคือการหาเอกสารยืนยันที่อยู่ Proof of Address มีหลายวิธีด้วยกัน อาทิเช่น:

1. สมัคร EIN ผ่านเว็บ Fiverr เพื่อรับจดหมาย EIN Confirmation Letter (CP 575) ผ่านไปรษณีย์ ใช้เป็นหลักฐานในการยืนยันที่อยู่ได้

Fiverr
การใช้ Fiverr ในการขอ EIN เพื่อใช้เป็นเอกสารยืนยันที่อยู่ US
เมื่อโพสที่ผ่านมา Passbook By Remitly บัญชีธนาคาร US บัญชีแรกของฉัน ได้มีการพูดถึง การใช้ Fiverr ในการขอ EIN…
เอกสาร EIN Confirmation Letter (CP 575) ที่ส่งมายังที่อยู่ US ผ่านไปรษณีย์

2. ใช้ statement จากแอพ Wise (ex TransferWise) โดยการเปลี่ยนที่อยู่เป็น US ก่อนขอ

Statement ที่ได้จากแอพ Wise (ex TransferWise)

3. ใช้ statement จาก Google Fi โดยการสมัครและใช้ที่อยู่ US

4. ขอให้ทาง Passbook ส่ง postcard ไปให้ตามที่อยู่ และเมื่อได้รับก็ถ่ายรูปเซลฟี่คู่กับ postcard ส่งไปให้ในการยืนยันที่อยู่ (กรณีนี้อาจต้องคุยกับทาง Support ของ Passbook)

ปัญหาเรื่องเบอร์โทรศัพท์ US

เบอร์โทรศัพท์ US มีไว้สำหรับการรับรหัส OTP ยืนยันตัวตนตอนสมัครและการรับข้อความการเคลื่อนไหวของบัญชี (มีให้ตั้งค่าในแอพ) ซึ่งมี 3 ประเภทที่แนะนำสามารถใช้สมัครได้

1. Google Voice US Voip Number ใช้ได้เฉพาะ US ต้องใช้ VPN

2. Dingtone US Voip Number สามารถดาวน์โหลดได้จาก store US

3. Ultramobile Paygo ซิม US จริง ใช้สมัคร Paypal US ได้ ใช้ Wifi-calling โทร 100 นาที ข้อความ 100 ข้อความได้ในราคา 3 USD ต่อเดือน

Ultramobile Paygo

การมีเบอร์โทรศัพท์ของ US จริง ๆ จะช่วยในการป้องกันจากการถูกบล็อกได้ดีมากขึ้น

ปัญหาเรื่อง VPN กับที่อยู่ IP US

การหา VPN นั้นมีมากมาย แต่ทางที่ดีก็ควรที่จะเลือกที่น่าเชื่อถือหน่อย หรือไม่ก็หา VPS ส่วนตัวทั้งของ Google Cloud Platform หรือ Oracle Cloud Free Tier หรือแม้กระทั่งซื้อซิมโรมมิ่ง T-mobile 15GB ของ US เพื่อใช้ในการเล่นเน็ตเป็นการเฉพาะ ก็จะป้องกันปัญหาโดนบล็อกเนื่องจากปัญหา IP ได้ มีเว็บไซต์ที่แนะนำในการตรวจสอบ IP ก็คือ whoer.net

whoer.net

ขั้นตอนการเปิดบัญชี

1. ใช้ ID US ดาวน์โหลดแอพผ่าน Play Store หรือ App Store หรือสามารถดาวน์โหลดผ่านเว็บไซต์ https://www.passbook.app/

2. หลังจากการติดตั้งก็เข้าสู่การสมัครสมาชิก (แนะนำให้ใช้ IP US ในการสมัคร)

3.กรอกอีเมล์รหัสผ่านให้เรียบร้อย เลือกธงชาติที่จะปรากฎบนบัตร (สามารถเลือกประเทศอะไรก็ได้ตามสะดวก จะเลือกไทย หรือประเทศอื่นก็ได้)

4. ใส่ชื่อ-สกุล วันเดือนปีเกิด ตามพาสปอร์ตของเรา

5. ใส่เบอร์โทรศัพท์ US ไม่ว่าจะเป็น Voip จาก Google Voice, Dingtone หรือซิมจริงของ Ultramobile Paygo

6. ใส่ที่อยู่ US ส่วนบุคคล (หลีกเลี่ยงที่อยู่ธุรกิจ) โดยสามารถใช้ที่อยู่ที่ได้จาก Anytime Mailbox หรือ iPostal1 ได้

7. กรอกอาชีพและที่มาของรายได้

8. อัพโหลด Passport ในการยืนยันตัวตน (บางกรณีทาง Passbook อาจจะขอเอกสารยืนยันที่อยู่ Proof of Address เพิ่ม )

9. รอรับจดหมายพร้อมบัตร US Visa Business Debit Card ภายใน 10 วันนับจากสมัครสำเร็จ โดยในระหว่างนั้นก็จะได้เลขบัตร วันหมดอายุ และรหัส CVV หลังบัตรมาเลยผ่านแอพ ซึ่งสามารถนำไปใช้จ่าย หรือเพิ่มใน Google Pay หรือ Apple Pay เพื่อใช้จ่ายได้เลย

แสดงหมายเลขบัตร Visa พร้อมทั้งวันหมดอายุและ CVV ก่อนได้รับบัตรจริง สามารถนำไปใช้ได้เลย
Bank Identification Number (BIN) ของบัตร Passbook Visa debit card ที่ออกโดย Passbook By Remitly

การโอนเงินเข้าบัญชี Passbook By Remitly

เมนูการโอนเงินเข้าของแอพ Passbook By Remitly

1. ฝากเงินผ่าน Mobile Check Deposit

2. ฝากเงินผ่านการเชื่อมต่อ direct deposit หรือ โอนเงินเข้าบัญชีโดยตรง (รวมทั้งการโอนเงินผ่านแอพ Wise (ex TransferWise))

3.โอนเงินจากธนาคารอื่นใน US ที่เชื่อมต่อผ่านระบบ Plaid

การเชื่อมต่อธนาคารอื่น ๆ ใน US ผ่านระบบ Plaid เพื่อใช้ในการเติมเงินเข้าแอพ Passbook

4.ฝากเงินผ่านทางร้านสะดวกซื้อใน US

วิธีการโอนเงินออกจากบัญชี Passbook By Remitly

เมนูการโอนเงินออกของแอพ Passbook By Remitly

1. โอนเงินผ่านบริการโอนเงินดิจิทัลระหว่างประเทศผ่านแอพ Remitly โดยจ่ายผ่านบัตร Passbook Visa debit card จะได้รับ Cash back 2 USD ต่อรายการ

2. จ่ายบิล

3. โอนให้เพื่อนผ่านเบอร์โทรศัพท์และอีเมล์

4. ถอนเงินผ่าน ATM ไม่เสียค่าธรรมเนียม (อาจมีค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บโดยธนาคารปลายทาง)

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง

  1. Passbook By Remitly และ Remitly
  2. Wise (ex TransferWise)
  3. Sunrise Bank และ FDIC (Federal Deposit Insurance Corporation)
  4. Visa Business Debit Card, BIN Codes-Validate, Verify & Check BIN และ US Routing Number Checker
  5. USPS-Look Up a ZIP Code™
  6. Anytime Mailbox และ iPostal1
  7. วิธีสมัคร Anytime Mailbox™ เช่าที่อยู่ส่วนตัว US ไว้รับจดหมายและพัสดุ
  8. Fiverr
  9. Google Voice, Dingtone และ Ultramobile Paygo
  10. Google Cloud Platform และ Oracle Cloud Free Tier
  11. whoer.net