ถ้าตอนนั้นไม่ตัดสินใจมาไต้หวัน ชีวิตจะเป็นยังไง ?
ถ้าตอนนั้นไม่ตัดสินใจมาไต้หวัน ชีวิตจะเป็นยังไง ?
.
มาอยู่ไต้หวันเกือบ 1 ปีแล้ว
ย้อนกลับไปในวันที่กรอกใบสมัครป.โทที่ไต้หวัน
ตอนนั้นเราไม่เคยคิดเลยว่าจะติด
ตอนนั้นก็คือ คิดว่าส่งไปเล่น ๆ ติดก็ดี ไม่ติดก็อยู่ไทย
.
ถ้าไม่ติดอย่างมากก็ไปเป็นครู สอนภาษาจีน เรียนป.บัณฑิต สอบบรรจุ
เงินเดือนน้อย ๆ แต่ทำในสิ่งที่ชอบ อะไรมันก็ดีไปหมด
.
แต่ตอนหลัง ติดมหาลัยที่ไต้หวัน
การตัดสินใจเดินทางมาเรียนไต้หวันในตอนนั้น
มาด้วยความที่ว่า แค่ไม่อยากอยู่ไทย
ตัวเองได้จีน ก็อยากมาใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ
เรียนป.โทในตอนนั้น คือไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอะไรเท่าไหร่
แค่เป็นข้ออ้างในการออกมาจากเซฟโซนของตัวเองแค่นั้นเอง
.
ออกมาสู่โลกกว้าง ออกไปดู ว่าเขาทำอะไรกัน
.
พอมาถึง ช่วงแรกเครียดมาก
ไม่เคยคิดว่าจะต้องอ่านหนังสืออะไรเยอะขนาดนี้
ด้วยความที่ตัวเองเป็นพวกที่ซื้อหนังสือมากองไว้ที่บ้าน
แล้วก็อ่านไม่ค่อยจบ ขก.บ้าง อะไรบ้าง
มาอยู่นี่ผ่านไปเทอมนึง อ่านหนังสือเยอะกว่าทั้งชีวิตที่อ่านมาอีกมั้ง
.
จบเทอมหนึ่ง เข้าเทอมสอง
ลงเรียนน้อยลง ทำงานมากขึ้น
ทำงานแปล เป็นผู้ช่วยที่ปรึกษา หาเงิน
เรียนไป ทำงานไป พบเจอผู้คนมากขึ้น
.
แล้วชีวิต ก็กลับเข้ามาสู่ช่วงที่ต้องค้นหาคำตอบของตัวเองอีกแล้ว...
.
เรียน เรียน เรียน เรียนแล้วไปไหนต่อ
วิจัย วิจัย วิจัย วิจัยแล้วได้อะไร
.
การทำวิจัย การเขียนวิทยานิพนธ์
ก็เหมือนกับการค้นหาตัวเองในรูปแบบหนึ่ง
การอยู่กับตัวเอง การพยายามไขปัญหา
ผ่านกระบวนการ วิธีที่มีแบบแผน อย่างเป็นระบบ
.
เขียนงานหลายหมื่นตัวอักษร
เขียนงานหลายสิบหน้า
คิด คิด คิด
เขียน เขียน เขียน
.
เขียนไปก็ไม่มีใครอ่านหรอก
อ่านกันเองแค่นั้น
.
การเขียน เป็นการจัดการกระบวนความคิดให้เป็นระบบ
เป็นการถ่ายทอดความคิด ความรู้สึกของเราออกมา
.
ตอนแรกเคยคิดว่าจะจบป.โทใน 2 ปี
แต่ เห็นรุ่นพี่หลายคนเรียน 3 ปีบ้าง 3 ปีครึ่งบ้าง
เราเองก็แอบลังเล
.
ตอนนี้ ไม่ค่อยคาดหวังเท่าไหร่ จะจบกี่ปีก็ช่างมัน
หรือเรียนไม่จบก็ช่างมัน
.
บางที การเรียนป.โทให้จบ อาจไม่ใช่เป้าหมายในชีวิตของฉันก็ได้
.
แต่ในช่วงที่เราเรียนต่างหาก สิ่งที่เราเรียนรู้
ในระหว่างการเดินทางของชีวิต เราได้อะไรจากมัน
.
ภูมิรพี แซ่ตั้ง
13 พฤษภาคม 2021
#อยากบันทึกไว้เล่าสู่กันฟัง