ทำไมฉันถึงมาเรียนป.โทที่ไต้หวัน ?

ทำไมฉันถึงมาเรียนป.โทที่ไต้หวัน ?

ชีวิต ไม่จำเป็นต้องมีข้อจำกัด

.

เราจำเป็นที่จะต้องถูกล้อมเอาไว้ด้วยกรอบหรือวาทกรรมที่บอกว่า

“ต้องสอบได้คะแนนดี ๆ ต้องเข้ามหาลัยดี ๆ ต้องเรียนสูง ๆ

หางานที่มั่นคง หาเงินเยอะ ๆ แล้วจะมีชีวิตที่ดีขึ้น”

ด้วยหรอ ? ชีวิตเป็นของใครกันแน่ ? ของเรา หรือ ของใคร ?

.

ทำไมเราไม่ทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ

อยากทำอะไรก็ทำ กระโดดออกมาจากกรอบที่พันธนาการเราไว้เหล่านั้น

แล้วทำในสิ่งที่เป็นตัวของตัวเอง ทำในสิ่งที่อยากทำ ทำแล้วมีความสุข

ชีวิตเรามีครั้งเดียว อยากทำอะไรก็รีบทำ ก่อนที่มันจะสายเกินไป

.

ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ ทำไมฉันถึงเรียนราม

ทำไมฉันไม่เรียนม.ดัง ๆ หรือเรียนแบบคนอื่นเขา ม.รามถูกนำมาเป็นข้อเปรียบเทียบ

แต่นั่นสำคัญด้วยหรอ ถ้าให้ฉันไปเรียนแบบคนอื่นเขา ฉันยอมตายดีกว่า

ทำในสิ่งที่ไม่มีความสุข แล้วมันจะออกมาดีได้ยังไง

คนจะมีคุณภาพ ก็อยู่ที่ตนเอง ไม่ได้อยู่ที่มหาลัย

ทุก ๆ การตัดสินใจ ฉันจึงตัดสินใจจากเสียงเรียกร้องของหัวใจตนเองเสมอ

ไม่ว่าจะเป็นยังไง จะล้มเหลวหรือไม่ สุดท้ายมันก็เป็นสิ่งที่ตัวเองได้ตัดสินใจด้วยตนเอง

.

แต่บางครั้ง ความฝัน หรือ สิ่งที่อยากทำ ก็มักจะถูก ความเป็นจริง ตบตี

ความฝันที่ไม่อาจเป็นจริง หรือ มีความจำเป็นบางอย่างที่ไม่อาจทำตามความฝันได้

ฉันก็เคยมี ช่วงที่กำลังจะจบราม ฉันตัดสินใจจะเรียนต่อป.โท

ตอนนั้น ที่บ้านอยากให้เรียนเกี่ยวกับงานศิลปะ เพื่อที่จะได้มาช่วยพี่ชายดูแลงานปู่

แต่ฉันไม่ชอบศิลปะ ฉันพยายามหนีทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับงานปู่มาโดยตลอด

.

แต่คนเรา ไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกนี้

เราจะต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา รู้จักทำความเข้าใจคนอื่น

.

ที่บ้านอยากให้เรียนเกี่ยวกับศิลปะ เพื่อมาช่วยพี่ทำงานปู่

.

ตอนนั้น ฉันตัดสินใจแบบนี้

ฉันสมัครเรียน 3 มหาวิทยาลัย

1.Taipei University of Art สาขา การบริหารและจัดการงานศิลปะ แน่นอนว่าฉันไม่ชอบงานศิลปะ แต่ฉันชอบเบื้องหลังของหลักการทฤษฎีในการจัดการ หากไม่ทำงานที่บ้าน ฉันยังสามารถนำสิ่งเหล่านี้ไปทำอย่างอื่นได้อีก

2.National Taiwan Normal University สาขา เอเชียตะวันออกศึกษา ด้วยความที่มันเป็นหลักสูตร อาณาบริเวณศึกษา บวกกับปู่ที่เป็นลูกชาวจีนที่เกิดในไทย จึงมีความเกี่ยวข้องกับทั้งไทยและจีน การที่ปู่เรียนภาษาจีนด้วยตนเอง และมีงานแปลจีนหลายชิ้น เช่น คำภีร์เต๋า ซึ่งนับได้ว่าเป็นฉบับแรกของไทยที่สมบูรณ์ บวกกับฉันก็สนใจงานด้านปรัชญาอยู่แล้ว การมาเรียนด้านนี้จึงเป็นเรื่องที่ฉันรับได้

3.จุฬา ด้านการจัดการวัฒนธรรม 

ซึ่งสุดท้าย ติดสองที่คือไต้หวันหนึ่งที่ และ จุฬา แต่สุดท้ายฉันตัดสินใจเรียนไต้หวัน 

การไปพบเจอกับสภาพแวดล้อมใหม่ ที่ท้าทาย และทำให้ฉันเติบโต มันคงเป็นสิ่งที่ดีกว่า

.

ชีวิตก็มีเท่านี้แหละ

ทำในสิ่งที่อยากทำ ทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ

และท้ายที่สุด ต้องคิดถึงคนอื่นบ้าง

ภายใต้ความมุ่งมาดปรารถนาของตัวเอง 

ปรับให้เข้ากับบริบทของรอบนอก (Contextual turn)

และชีวิตจะง่ายขึ้น

คนเราต้องใจกว้างกว้างเหมือนท้องฟ้า....

.

2021/04/02

ภูมิรพี แซ่ตั้ง (陳勝泰)

#อยากบันทึกไว้เล่าสู่กันฟัง